พัดลมไอเย็นใช้แล้วปอดชื้นจริงหรือ?

พัดลมไอเย็นใช้แล้วปอดชื้นจริงหรือ?
เมืองไทยมีอากาศร้อน ยิ่งหน้าร้อนในช่วง เมษายน พฤษภาคม นี่เรียกว่าร้อนตับแตกกันเลยทีเดียว! ก็ยิ่งตามหาตัวช่วยจะใช้พัดลมธรรมดาก็ยิ่งเป่ายิ่งร้อน จะเปิดแอร์ทั้งวันสิ้นเดือนมาก็แทบกินบหมี่กึ่งสำเร็จรูปกันทั้งเดือน แต่มีตัวช่วยหนึ่งที่พอได้ “พัดลมไอเย็น” แต่...มีปัญหาคือว่ากันว่า “ถ้าใช้พัดลมไอเย็นเป็นประจำอาจเป็นสาเหตุทำให้ไม่สบาย เป็นหวัด ปอดชื้น ปอดบวม ปอดอักเสบได้ เรื่องนี้จริงหรือไม่ และเราควรซื้อพัดลมไอเย็นมาใช้จริงหรือ?
เข้าใจหลักการทำงานของพัดลมไอเย็นกันก่อน?
พัดลมไอเย็น เป็นระบบการทำความเย็นด้วยการระเหยของน้ำ เป็นการลดอุณหภูมิของอากาศเพื่อให้อากาศมีอุณหภูมิที่ลดลง เหมือนกับการที่เราอาบน้ำแล้วยืนบริเวณพัดลมจะมีความรู้สึกเย็นสบาย เนื่องจากลมได้พัดผ่านละอองน้ำแล้ว ทำให้ลมมีอุณภูมิที่ลดลง
Mobile Air Cooler หรือ พัดลมไอเย็น ทำงานด้วยการระเหยของน้ำ (Evaporative Cooling System) เป็นระบบที่ใช้ในการลดอุณหภูมิด้วยการระเหยของน้ำ โดยมีสิ่งสำคัญดังนี้
- พัดลม (Fan): มีหน้าที่ดูดอากาศจากภายนอกเข้าสู่ระบบและพัดลมผ่านส่วนอื่นๆ ในระบบ
- พื้นผิวส่งน้ำ (Water Distribution System): ประกอบด้วยท่อที่เชื่อมต่อกับถังน้ำและเส้นท่อที่กระจายน้ำไปยังแผงระเหยน้ำ
- แผงระเหยน้ำ (Evaporative Pad/Media): แผ่นระเหยน้ำ (Cooling Pads) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการลดอุณหภูมิของอากาศในพัดลมไอเย็น แผ่นระเหยน้ำทำจากวัสดุที่สามารถดูดซับน้ำได้ดี วัสดุที่ใช้สร้างแผ่นระเหยน้ำมักจะเป็น Cellulose) หรือวัสดุเส้นใยอื่นๆ เมื่อน้ำไหลผ่านผ่านแผ่นระเหยน้ำ มีการระเหยของน้ำเกิดขึ้น โดยน้ำจะดูดความร้อนจากอากาศที่ผ่านผ่านแผ่นระเหยน้ำ ทำให้อุณหภูมิลดลง และอากาศที่ออกมาจากระบบมีอุณหภูมิต่ำและรู้สึกเย็นขึ้น
- ถังน้ำ (Water Tank): เป็นที่เก็บน้ำที่ใช้ในกระบวนการระเหย น้ำจะถูกปรับสมดุลระหว่างการเพิ่มน้ำเข้าและการระบายน้ำออก
- ปั๊มน้ำ (Water Pump): เป็นส่วนที่ใช้ในการส่งน้ำจากถังน้ำไปยังส่วนของแผงระเหยน้ำ
โรคปอดชื้นหรือปอดอักเสบเกิดจากอะไร?

โรคปอดอักเสบ (pneumonitis) หรือที่เรียกกันว่า ปอดบวม เป็นการอักเสบของเนื้อปอดที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะปอดอักเสบจากการติดเชื้อในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีภาวะภูมิต้านทานต่ำ ซึ่งบางครั้งการติดเชื้ออาจรุนแรงและทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ โรคปอดอักเสบเกิดได้จาก 2 สาเหตุ ได้แก่
ปอดอักเสบจากการติดเชื้อ หรือ pneumonia (ปอดบวม) เป็นชนิดของปอดอักเสบที่พบได้บ่อยที่สุด โดยเชื้อโรคที่เข้าสู่ปอดและทำให้เกิดการอักเสบของถุงลมปอดและเนื้อเยื่อโดยรอบ ได้แก่ เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา ซึ่งเชื้อที่พบจะแตกต่างกันในแต่ละกลุ่มอายุ และสภาพแวดล้อมที่เกิดโรค เช่น ได้รับเชื้อจากที่ชุมชนทั่วไป หรือจากภายในโรงพยาบาล ทั้งนี้ เชื้อแบคทีเรียที่พบมักได้แก่ เชื้อ Streptococcus pneumoniae, เชื้อ Haemophilus influenzae type b, เชื้อ Chlamydia pneumoniae, เชื้อ Legionella spp. และเชื้อ Mycoplasma pneumoniae ส่วนเชื้อไวรัส ได้แก่ เชื้อ Respiratory Syncytial Virus (RSV), เชื้อ Influenza หรือเชื้อไข้หวัดใหญ่ และเชื้อราจากมูลนกหรือซากพืชซากสัตว์
ปอดอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ เช่น เกิดจากการหายใจเอาสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ เช่น ฝุ่น ควัน สารเคมีที่ระเหยได้ นอกจากนี้ การใช้ยาปฏิชีวนะ ยาเคมีบำบัด และยาสำหรับควบคุมการเต้นของหัวใจบางชนิดก็อาจทำให้เกิดภาวะปอดอักเสบได้
แล้วพัดลมไอเย็นทำให้ปอดชื้นล่ะ จริงไหม?
การใช้พัดลมไอเย็นไม่เกี่ยวข้องกับการเกิดปอดอักเสบ ปอดอักเสบเกิดจากการติดเชื้อในท่อลมหายใจและปอด ซึ่งสามารถเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือสาเหตุอื่นที่เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของคุณ การใช้พัดลมไอเย็นอาจช่วยในการระบายอากาศและลดอุณหภูมิภายในห้อง ซึ่งอาจช่วยให้คุณรู้สึกสะดวกสบายในระหว่างเวลาที่มีอากาศร้อน แต่ไม่ส่งผลต่อเสียงปอดอักเสบโดยตรงในร่างกายของคุณ
ลดร้อน เย็นสบาย ไม่ป่วย ไม่เหนียวตัวแค่ทำสิ่งนี้!
เพื่อให้การใช้งานพัดลมไอเย็นเป็นไปอย่างเย็นสบาย ไม่ชื้น และไม่เหนียวตัว แค่ทำสิ่งนี้:
- เลือกขนาดพัดลมให้เหมาะสม: โดยปกติพัดลมไอเย็นแต่ละรุ่นจะใช้กับขนาดพื้นที่ที่แตกต่างกัน สามารถวัดขนาดห้องที่ใช้งาน กว้าง X ยาว เท่าไหร่ แล้วจัดเลย
- ตรวจสอบระบบระบายอากาศ: ให้แน่ใจว่าพื้นที่ที่ใช้งานมีระบบระบายอากาศที่ดี โดยเปิดหน้าต่างหรือประตูเพื่อสร้างกระแสอากาศ ซึ่งช่วยในการระบายความชื้นและอากาศเสียจากพื้นที่
- ตั้งค่าความเย็นที่เหมาะสม: ปรับตั้งค่าพัดลมไอเย็นให้มีความเย็นที่เหมาะสมกับสภาพอากาศและความชื้นในพื้นที่ ความเย็นที่ตั้งค่าเกินไปอาจทำให้รู้สึกหนาวเกินไป และความเย็นที่ตั้งค่าน้อยเกินไปอาจไม่เพียงพอในการลดความร้อน
- ตั้งค่าความเร็วพัดลม: ปรับความเร็วพัดลมให้เหมาะสมกับความต้องการของคุณ การปรับความเร็วพัดลมสามารถช่วยในการกระจัดกระจายอากาศและช่วยลดความชื้นในพื้นที่
- ใช้พัดลมไอเย็นในตอนกลางวันหรือเวลาที่อากาศร้อนสูงสุด: เนื่องจากพัดลมไอเย็นมีประสิทธิภาพในการลดความร้อน การใช้งานในช่วงเวลาที่อากาศร้อนสูงสุดจะช่วยให้รับประสบการณ์ความเย็นสบายและลดความชื้นในอากาศ
- ควบคุมความชื้นรอบข้าง: ในกรณีที่พื้นที่มีความชื้นสูงอย่างต่อเนื่อง คุณอาจต้องใช้เครื่องฟอกอากาศหรือเครื่องปรับอากาศเพิ่มเติมเพื่อควบคุมความชื้นในอากาศ
- ตรวจสอบและทำความสะอาดเครื่องพัดลมไอเย็น: รักษาระบบทำความเย็นของเครื่องให้สะอาดและป้องกันการสะสมของคราบน้ำหรือสิ่งสกปรกภายในเครื่อง ซึ่งอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและกลิ่นอับได้
นอกจากนี้ยังแนะนำให้ดูแลสุขอนามัยอื่นๆ เพื่อช่วยลดความร้อนและความชื้นในร่างกาย เช่น ดื่มน้ำเพียงพอเพื่อรักษาการเติมน้ำในร่างกาย สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดีและรับระบายความชื้น และหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ต้องการมีพลังงานมากในช่วงเวลาที่ร้อนสุด เพื่อลดการเกิดความร้อนภายในร่างกาย
คำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้คุณใช้พัดลมไอเย็นอย่างเหมาะสม เย็นสบายหายห่วงกันค่ะ